เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม: อตาลันต้า หักปีก ลิเวอร์พูล คาบ้าน 2-0
วิเคราะห์หลังเกมการแพ้คาบ้านของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ต่อ อตาลันต้า 2-0
และแล้วลิเวอร์พูลก็แพ้คาบ้านจนได้ เมื่อโดนอตาลันต้า บุกสอย 2-0 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดที่ 4 ซึ่งรูปเกมของลิเวอร์พูลหาจุดดีไม่ได้เลย เกมรุกยิงไม่เข้ากรอบสักครั้ง เกมรับก็มีช่องโหว่เยอะเหลือเกิน อย่างไรก็ตาม ในความพ่ายแพ้นั้น มันก็เสียหาย แต่ก็ไม่ได้เสียหายร้ายแรงขนาดนั้น และถ้าจะแพ้เกมไหนสักเกม การแพ้อตาลันต้าคือการแพ้ที่เจ็บตัวน้อยที่สุดแล้ว และนี่คือบทสรุป 4 ข้อ ของเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่แอนฟิลด์เมื่อคืนนี้
1. โดยในเกมนี้ อตาลันต้า เปลี่ยนแปลงทีมถึง 6 คน จากเกมที่แพ้ลิเวอร์พูล 5-0 เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ซึ่งก็แน่นอน เมื่อเห็นปัญหาชัดๆอยู่แล้ว คุณจะดื้อดึงใช้นักเตะเซ็ตเดิมทำไม ขณะที่ลิเวอร์พูลนั้น น่าสนใจมาก เมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์ต้องทำการโรเทชั่นเช่นเดียวกัน โม ซาลาห์ ตรวจโควิด-19 ปรากฎว่าเป็นเนกาทีฟ ทำให้เขาสามารถลงเล่นได้แล้ว ในช่วงโปรแกรมหนักๆ ปลายปีแบบนี้ ลิเวอร์พูลต้องโรเทชั่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เกมนี้เขาดร็อปทั้งโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดีโอโก้ โชต้าเป็นตัวสำรอง แล้วให้โอกาสดิว็อค โอริกี้ เป็นกองหน้าตัวจริง ขณะที่แนวรับ ฟูลแบ็กสองข้าง คล็อปป์อยากพักแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จึงส่งซิมิกาสเป็นตัวจริง ฝั่งขวาขยับเอามิลเนอร์มาเล่นด้านใน เลยใช้งานเนโก้ วิลเลียมส์ ตรงนี้เข้าใจได้หมด แต่จุดที่น่าติดใจ คือเซ็นเตอร์แบ็ก เพราะคล็อปป์พักคู่โจเอล มาติป กับ ฟาบินโญ่ ที่กำลังเล่นได้ดี แล้วใช้งานรีส วิลเลียมส์ คือมาไล่คิดเหตุผล โอเค รีส วิลเลียมส์ในเกมเจออตาลันต้าที่แบร์กาโม่ก็ทำได้ดี แต่ประเด็นคือ ในเมื่อคุณค้นพบเซ็นเตอร์แบ็กที่เล่นด้วยกันได้ดี (มาติป-ฟาบินโญ่) ก็ไม่น่าเปลี่ยนบ่อยๆนะ น่าจะให้ทั้งคู่เล่นด้วยกัน เพื่อจูนความเข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมากกว่า แล้วรีส วิลเลียมส์ ยังไม่เคยเล่นกับมาติป ต้องมาลงเล่นทันที ในเกมที่เจอ ทีมเกมรุกโหดระดับต้นๆของยุโรปอย่างอตาลันต้า นี่ไม่ใช่ชอยส์ที่น่าสบายใจเลย
2. พอเริ่มเกม ความจริงก็ปรากฎคือ เล่นกันไม่ได้เลย แนวรุกดิว็อค โอริกี้ ไม่สร้างความอันตรายใดๆ หาโอกาสยิงไม่ได้เลยสักครั้งเดียว อีกจุดที่น่าสนใจคือ โอริกี้เล่นกับมาเน่ และซาลาห์ไม่ได้เลย เขาอยู่ในสนาม 60 นาที ส่งบอลให้มาเน่ 0 ครั้ง ให้ซาลาห์ 2 ครั้ง ขณะที่โม ซาลาห์ เริ่มเกมมาจ่ายบอลพลาดง่ายๆ จนโดนอิลิซิชยิงล่อเป้า แต่หลุดกรอบ แยังดูจังหวะไม่ค่อยลงตัว ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่ ต้นครึ่งหลัง ซาลาห์ กับ โอริกี้ จะโดนถอดออกทั้งคู่ ตามปกติแผนกองหลัง 3 คน เป็นของถนัดของลิเวอร์พูลเลย เหมือนเกมเจอเลสเตอร์ เพราะถ้ากองหน้าเร็วๆ 3 ตัวของลิเวอร์พูล ไปชนกับ 3 เซ็นเตอร์แบ็กของคู่แข่งก็จะได้เปรียบมากในการเจาะ แต่นัดนี้โอริกี้ไม่สามารถทะลุทะลวงได้ บวกกับซาลาห์ที่ผิดฟอร์มด้วย ทำให้กองหลังอตาลันต้าเล่นบอลได้อย่างมั่นใจเอามากๆ เข้าบอลแล้วแย่งได้ตลอด ครึ่งหลังอตาลันต้ายังเล่นดีกว่าเหมือนเดิม และสุดท้ายมายิงได้ 2 ลูก จากจังหวะคล้ายๆกันคือครอสริมเส้นด้านซ้าย ลึกไปถึงเสาสอง ลูก 1-0 อเลฮันโดร โกเมซ ครอสจากด้านซ้าย ลึกไปถึงเสาสอง ซึ่งเซ็นเตอร์แบ็กลิเวอร์พูลไม่มีใครประกบกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียวของอตาลันต้า คือโจซิป อิลิซิชเลย สุดท้ายก็โดนยิงจ่อๆเข้าประตูไป อลิสซอน หมดสิทธิ์เซฟนี่เป็นประสบการณ์ของกองหลังดาวรุ่ง ที่จะต้องเรียนรู้ว่า กองหน้าคู่แข่งเขาไปยืนตรงไหนแล้ว อย่ามองแต่บอล แต่ต้องดูตัววิ่งด้วย
ส่วนประตู 2-0 ทุกอย่างคล้ายเดิม โกเมซ อยู่ด้านซ้าย เปิดบอลให้ฮาเตบัวร์ ที่อยู่ติดกับแบ็กซ้าย (โรเบิร์ตสัน) ก่อนโหม่งชงเข้ากลางให้โรบิน โกเซนส์ ยิงเข้าไป
3. หลังจากโดนนำ 1-0 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัว 4 คน แต่พวกเขายังไม่ทันเข้าสู่เกมเลย ก็มาโดนประตู 2-0 ซึ่งถึงตรงนี้เกมจบแล้ว อตาลันต้าค่อยๆ ประคองตัว ดึงความเร็วลดลง ไม่ไปเร่งตามลิเวอร์พูล ก่อนเอาชนะไปได้ในที่สุด โดยลิเวอร์พูลไม่สามารถยิงตรงกรอบได้เลยแม้แต่หนเดียว สิ่งที่อตาลันต้าทำได้ดีมาก คือบอลเท้าสู่เท้า อตาลันต้าจ่ายบอลเข้าเป้า 83% ส่วนลิเวอร์พูลแค่ 82% มีไม่กี่ทีมในปัจจุบันที่เจอลิเวอร์พูลแล้วจะจ่ายบอลแม่นยำมากกว่า นอกจากนั้น นักเตะยังมีความมุ่งมั่นมากกว่า เสียบอลแล้ววิ่งตามเอาคืนได้มากกว่าลิเวอร์พูลถึง 17 ครั้ง
4. เกมนี้สำหรับลิเวอร์พูล ฟอร์มโดยรวมน่าผิดหวัง โดยเฉพาะแนวรับที่ประสบการณ์น้อยเกินไปสำหรับเลเวลนี้ เช่นเดียวกับดิว็อค โอริกี้ ที่ยังต้องเรียกศรัทธากลับมาให้ได้ ก่อนก็จะสายเกินไป แต่อีกส่วนก็ต้องชื่นชม จานปิเอโร กัสเปรินี่ เฮดโค้ชของอตาลันต้าที่วางกลยุทธ์ได้อย่างดี จากเกมที่แพ้ 5-0 เมื่อนัดก่อน เขาใช้ระบบ 3-4-1-2 นัดนี้อัดกลางเพิ่มอีกคนเป็น 3-5-1-1 ทำให้แดนกลางลิเวอร์พูลขึ้นเกมไม่ได้ แถมริมเส้นก็บุกไม่ได้ เพราะซิมิกาสกับวิลเลียมส์ ยังเล่นไม่เข้าฟอร์ม แผนของกัสเปรินี่ปิดตายแนวรุกลิเวอร์พูลหมดเลย นอกจากนั้น การให้อิสระกับโกเมซ จากบางนัดที่เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า นัดนี้ได้บท ตัวฟรี ก็ปั่นป่วนหงส์จนชุลมุนไปหมด
บทสรุปจากเกมที่แอนฟิลด์นี้ น่าสนใจว่า จะเป็นแค่การแพ้นัดเดียวที่ไม่มีความหมายหรือไม่ หรือว่าจะเป็นปฏิกริยาลูกโซ่ที่จะส่งผลต่อความมั่นใจในเกมต่อๆมา ผลการแข่งขันในเกมเจอไบรท์ตันในวันเสาร์นี้ จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
เรียบเรียงโดย
น้ำหวาน