คุยกันหลังเกม ลิเวอร์พูลแพ้คาบ้าน 0-1 ต่อเบิร์นลีย์

liverpool-loss-to-burnley-0-1

จะให้พูดสั้นๆ เกี่ยวกับฟอร์มหงส์แดงเมื่อคืนที่ผ่านมาถือว่าไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณเล่นในบ้านแล้วแพ้ทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดในลีกอย่างเบิร์นลีย์ ลิเวอร์พูลผิดพลาดไปทุกสิ่งทุกอย่าง แท็กติกาการเล่น การจัดตัว หาข้อดีใดๆ ไม่ได้เลย

สำหรับ 1369 วัน ที่หงส์แดงไม่แพ้ในบ้าน สถิติสิ้นสุดเอาในเกมนี้ ไม่ใช่จากแมนฯซิตี้ ไม่ใช่จากแมนฯยูไนเต็ด ไม่ใช่จากเชลซี แต่มาจากเบิร์นลีย์ และนี่คือบทสรุป 3 ข้อ จากเกมคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในถิ่นแอนฟิลด์

1) เบิร์นลีย์ถือว่าเป็นของแสลงของหงส์แดง

แม้ว่าผลงานจะแย่ยังไงก็ช่าง แต่เวลาเจอลิเวอร์พูลทีไร พวกเขาเล่นได้ดีเสมอ ในซีซั่นที่แล้ว ลิเวอร์พูลชนะในแอนฟิลด์ทั้งหมด 18 นัด มีแค่เกมเดียวเท่านั้นที่พลาด คือการเสมอเบิร์นลีย์ อย่างไรก็ตาม สถิติก็เป็นแค่เรื่องสถิติ เพราะในซีซั่นนี้เบิร์นลีย์ถือว่าฟอร์มย่ำแย่อย่างมาก ก่อนแข่งพวกเขายิงได้แค่ 9 ลูกในพรีเมียร์ลีก เป็นทีมที่ยิงได้น้อยที่สุด ในบรรดา 20 ทีม ใครเจอเบิร์นลีย์ก็เก็บคลีนชีทกันได้ทั้งนั้น เบิร์นลีย์มีแผนการเล่นง่ายๆ คือ “แพ็กทั้งทีม” ลิเวอร์พูลอยากเจาะก็เจาะไป พวกเขาตั้งรับอย่างใจเย็น แล้วนานๆค่อยสวนขึ้นที ไปลุ้นเอาจากลูกฟรีคิก โยนบอมบ์เข้ากลางประตูดีกว่า ในสามแนวรุกของลิเวอร์พูล มาเน่เล่นดีคนเดียว เขาวิ่งส่าย หาพื้นที่ หาช่อง ในขณะที่อีกสองคนก็น่าผิดหวังตามคาด อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทั้งเกมได้จับบอล 37 ครั้ง ได้แต่ส่ายไปส่ายมา ไม่มีประโยชน์อะไร ส่วนดิว็อค โอริกี้ บ้ายิงเหลือเชื่อ ได้บอลปั๊บง้างเท้ายิงทันที ไม่มองรอบข้างว่าเพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าหรือไม่

2) การจัดทัพไม่เต็มสูบ

ลิเวอร์พูลนัดนี้ ไม่มีจอร์แดน เฮนเดอร์สันที่บาดเจ็บ ทำให้คล็อปป์ปรับแผนกลางสนาม ใช้งานติอาโก้ อัลคันทาร่า, จินี่ ไวจ์นัลดุม และ เซอร์ดาน ชาคิรี่ เป็นสามมิดฟิลด์ ส่วนแนวรุก เลือกให้โอกาส ดิว็อค โอริกี้ กับอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เล่นร่วมกับซาดิโอ มาเน่ พยายามเข้าใจความคิดของคล็อปป์ ว่าอีก 2 นัดต่อไป ต้องเจอแมนฯยูไนเต็ด และสเปอร์ส ซึ่งเป็นโปรแกรมหนัก ถ้าจะพักซาลาห์ กับฟีร์มีโน่ คงพักได้แค่เกมนี้เท่านั้น แต่อีกมุม คือเฮ้ย ลิเวอร์พูลไม่ชนะในลีกมา 4 นัดติดแล้วนะ ยังจะจัดตัวไม่ฟูลทีมอีกหรือ เอาความมั่นใจจากไหนมาให้โอริกี้ กับ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทำไมไม่อัดตัวจริง ยิงให้ขาดแล้วเปลี่ยนตัวเร็วๆ แทนล่ะ และแล้วลางร้ายของลิเวอร์พูลเกิดขึ้นท้ายครึ่งแรก เมื่อเบน มี ส่งบอลคืนหลังพลาด โอริกี้ หลุดเดี่ยว แบบเดี่ยวสุดๆ ดวลตัวต่อตัวกับนิค โป๊ป ซึ่งทางซ้ายซาดิโอ มาเน่ สปรินท์มารอรับลูกส่ง คือจังหวะนี้ โอริกี้ มีสองทางเลือก คือยิงเอง ประตูเปิดกว้างมหาศาล ถ้าคุณเป็นนักเตะระดับดีกรีทีมชาติ ลูกนี้ไม่มีทางพลาดได้เลย เราเคยเห็นแฮร์รี่ เคน หรือ เจมี่ วาร์ดี้ ยิงพลาดในจังหวะ 1 ต่อ 1 แบบนี้ไหมล่ะ ลองนึกดู และอีกชอยส์คือจ่ายให้มาเน่ ที่ยืนโล่งยิ่งกว่า นักเตะหลายๆคน ในช็อตนี้จะวิ่งเข้าใกล้นิค โป๊ป แล้วจ่ายให้มาเน่ยิงโล่งๆ ให้เข้าแบบ 100% แต่โอริกี้เลือกซัดเองซะเลย เขาอยากมีชื่อบนสกอร์บอร์ด ยิงลูกแรกในซีซั่นให้ได้เสียที แต่บอลยิงไปชนคานเด้งพื้น ไม่เป็นประตู ใช้คำว่ายิงดีได้ไหม คำตอบคือไม่ได้ หลุดเดี่ยวขนาดนั้น จะยิงอัดพาวเวอร์อะไรขนาดนั้น กองหน้าระดับท็อปเขาก็แค่ปั่นบอล คอนโทรลให้เข้ากรอบก็พอ จากที่ลิเวอร์พูลควรจะขึ้นนำ กลายเป็นจบครึ่งแรกที่ 0-0 ในครึ่งหลัง เมื่อโอริกี้ กับ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนเล่นไม่ได้ ก็ต้องส่งซาลาห์ กับฟีร์มีโน่ลงมาอยู่ดี แบบนี้จะต่างอะไรกับส่งลงมาตั้งแต่แรก ซึ่งพอตัวจริงทั้งสองคนลงสนาม จังหวะของลิเวอร์พูลดีขึ้น แต่เบิร์นลีย์รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ นักเตะทุกคนดันลงไปอุดหน้าเขตโทษ เพื่อไม่ให้ลิเวอร์พูลมีช่องยิงได้ ท้ายเกม ลิเวอร์พูลพยายามตะลุยกามิกาเซ่ จังหวะเตะมุมอลิสซอน เบ็คเกอร์ ดันขึ้นมาถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร สุดท้ายเกมจบลงด้วยสกอร์ 1-0 ลิเวอร์พูลแพ้คาบ้าน เป็นครั้งแรกในรอบ 1369 วัน หรือ 68 นัดในพรีเมียร์ลีก และเบิร์นลีย์ก็สามารถเอาชนะได้ที่แอนฟิลด์เป็นครั้งแรกในรอบ 46 ปี

3) การตัดสินของกรรมการ

เกมนี้โอเคว่ามีหลายจังหวะที่กรรมการเป่าไม่เป็นใจ แต่ลิเวอร์พูลไม่สามารถโยนความผิดเหล่านั้นให้ผู้ตัดสินได้ทั้งหมด เพราะพวกเขาทำตัวเอง เกมรุกไร้ไอเดียอย่างสิ้นเชิง เกมรับก็ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็นเรื่อยๆ โอกาสยิงหงส์แดงทั้งเกม 27 ครั้ง แต่ไม่ได้ทำให้นิค โป๊ป รู้สึกอันตรายอะไรเลย เป็นการยิงทิ้งยิงขว้างกันซะเยอะ

เรียบเรียงโดย

น้ำหวาน