กระทิงยำ อินทรีเหล็กเละ วิเคราะห์ประเด็นร้อนหลังเกม
วิเคราะห์หลังเกมกระทิงดุ ยำอินทรีเหล็ก 6-0 ในศึกฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ลีกเอ กลุ่ม 4 คืนวันอังคารที่ผ่านมา
โดยก่อนเริ่มเกม โยอัคคิม เลิฟ นายใหญ่ทัพ “อินทรีเหล็ก” ทีมจ่าฝูงต้องการแค่เพียง 1 แต้มในเกมบุกฟัด “กระทิงดุ” เพื่อตีตั๋วเข้าตัดเชือกความพร้อมจัด ติโม แวร์เนอร์ ล่าสกอร์ ทางด้าน หลุยส์ เอ็นริเก้ ไม่มีทางเลือกต้องคว้าชัยในเกมนี้ส่วนผลงานกำลังสะดุดไม่ชนะมา 3 แต่พอเริ่มเกมส์ไปจนจบ 90 นาทีผลลัพท์ที่ออกมาคือเป็นการที่พวกเขาต้องปราชัยแบบสุดย่อยยับให้กับทัพ “กระทิงดุ” ซึ่งถือเป็นการพ่ายแพ้ที่ขาดลอยสุดของพวกเขา นับตั้งแต่ที่แพ้ ออสเตรีย ด้วยสกอร์ 0-6 เหมือนกันในปี 1931 เป็นเวลาเกือบ 90 ปีที่อินทรีเหล็กไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าพูดถึงสำหรับเกมส์นี้
1. การไม่เรียกจอมเก๋าเข้าร่วมทีม
โยอาคิม เลิฟ ไม่ยอมเรียก โธมัส มุลเลอร์, มัตส์ มุมเมลส์ และเยอโรม บัวเต็ง กลับมารับใช้ชาติในครั้งนี้โดยให้เหตุผลว่าต้องการที่จะสร้างนักเตะดาวรุ่งเพื่อมาประดับวงการฟุตบอลของเยอรมัน โดยในทีมแม้จะมี มานูเอล นอยเออร์ เป็นลูกพี่ใหญ่คอยดูแลน้องๆในรั้วทีมชาติ แต่เพียงแค่ นอยเออร์คนเดียวอาจไม่ได้ช่วยถ่ายทอดประสบการณ์ และเป็นตัวช่วยให้ดาวรุ่งดึงศักยภาพได้เพียงพอ แต่ถ้าหากทีมมีจำนวนผู้นำมากกว่านี้ จะทำให้ประสิทธิภาพทีมโดยรวมออกมาได้ดีกว่านี้ โดยการดึง มัตส์ ฮุมเมลส์, เยอโรม บัวเต็ง และโธมัส มุลเลอร์ ซึ่งถือเป็นตัวหลักของทีมมาตลอดตั้งแต่ตอนได้แชมป์โลก ปี 2014 มาช่วยประคองทีม ผลลัพท์ที่ได้มาน่าจะออกมาดีกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมๆนี้
2. แนวรับที่ประสบการณ์บนทีมชาติไม่มากพอ
การดูจากรายชื่อนักเตะตัวจริงของทีมที่ออกมาในวันนี้ สำหรับเกมส์ที่พบกับทีมใหญ่ระดับสเปน ที่มีความเคี่ยว มีการเตรียมตัวทีม มีประสบการณ์ของนักเตะที่มากกว่า ทำให้วันนี้เยอรมันที่ต่อจะให้มี มานูเอล นอยเออร์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้รักษาประตูระดับต้นๆของโลก แต่แนวรับตำแหน่งอื่นๆ ถือว่ายังมีประสบการณ์ในระดับทีมชาติไม่มากพอ โดยเฉพาะ โรบิน ค็อค, ฟิลิปป์ มักซ์ ที่เพิ่งติดทีมชาติกันไม่กี่นัด ทำให้เมื่อเวลาเจอทีมใหญ่ ทำให้เจ้าตัวตื่นเต้นเล่นไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม โดยทั้งสองมีการประกบตัวผิดพลาด รวมทั้งการออกบอล ครอบครองบอลที่ไม่ดีจนทำให้นำไปสู่การเสียประตูของทีม รวมทั้งนักเตะแนวรับที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง มัทธีอัส กินเตอร์, นิคลาส ซือเล่ ก็โชว์ฟอร์มไม่ออกมีการเสียบอลง่ายและประกบตัว ยืนตำแหน่งที่ผิดพลาด จนทำให้คู่แข่งมีโอกาสจบสกอร์ รวมทั้งกองกลางตัวรับของทีมในวันนี้อย่าง อิลคาย กุนโดกัน ที่โชว์ฟอร์มออกทะเลไปเลยในวันนี้ ทำฟาว์ลในจังหวะที่ไม่ควรเล่นหลายครั้ง และ
3. แนวรุกที่พร้อมใจกันโชว์ฟอร์มไม่ออก
พูดถึงฟอร์มแนวรุกกันบ้าง วันนี้ โยอาคิม เลิฟ ใช้ โทนี่ โครส และ เลออน โกเร็ตซ์ก้า ในการทำเกมและควบคุมจังหวะของทีม โดย โทนี่ โครส เพิ่งจะได้กลับมาเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง และวันนี้เจ้าตัวทำเกมไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ยิ่งมาเล่นพร้อมกับเลออน โกเร็ตซ์ก้า ที่วันนี้ก็ไม่ใช่วันที่ดีของเจ้าตัวเหมือนกันทำให้กองกลางของเยอรมันไม่สามารถสู้แดนกลางของสเปนได้เลยในวันนี้ ทำให้มีสถิติการครองบอลเพียง30% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทำให้บอลไปถึง 3 แนวหน้าอย่าง แซร์ช นาบรี, ลีรอย ซาเน่ และ ติโม แวร์เนอร์ แทบจะไม่มีโอกาสในการจบสกอร์ โดยสถิติของแนวรุกของทีมในวันนี้คือ โอกาสในการยิง 2 ครั้ง และไม่มีการยิงเข้ากรอบเลยสักครั้งเดียว โดยท้ายเกม “อินทรีเหล็ก” เกือบได้ประตูปลอบใจจากความสามารถเฉพาะตัวของ แซร์ช นาบรี้ พาบอลหนี เปา ตอร์เรส ได้ช่องอัดด้วยขวาไปชนคานเด้งออกมา แต่ก็ทำได้เพียงใกล้เคียง
4. กระทิงดุสมชื่อจริงๆวันนี้
ดูจากตัวผู้เล่นในวันนี้ หลุยส์ เอ็นริเก้ เทรนเนอร์ ทีมชาติสเปน ถือว่าจัดนักเตะชุดที่ดีที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะสามารถจัดตัวได้ โดยวันนี้มี เซร์คิโอ รามอส กองหลังตัวเก๋าคอยคุมแนวรับในวันนี้และทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งจังหวะรุกและรับ รวมทั้งแนวรับในตำแหน่งอื่นๆที่มีการโชว์ฟอร์มที่โดดเด่นเช่นกัน ปิดโอกาสของทีมเยอรมันจนทำให้แทบจะไม่ได้โอกาสยิงประตูได้เลย รวมทั้งวันนี้แนวรุกของทีมถือว่าเด่นมากๆจริงๆ ถ้าผู้รักษาประตูในวันนี้ไม่ใช่ มานูเอล นอยเออร์ เยอรมันน่าจะมีการเสียประตูไม่ต่ำกว่า 10ประตู โดยเฉพาะคนที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส ที่จัดการไป 3 ประตูในวันนี้ ถือเป็นแฮททริคแรกของเจ้าตัวในนามทีมชาติสเปนอีกด้วย
เรียบเรียงโดย
น้ำหวาน