aston-villa-1-vs-2-liverpool-post-match-analysis

หลังเกมส์ลิเวอร์พูลเฉือนชนะแอสตัน วิลล่า 2-1

Apr 20, 2021 by

การเอาชนะแอสตันวิลล่าได้อย่างสุดระทึก มีความหมายมากกว่า 3 คะแนนทั่วไป เพราะลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ของผู้ชนะ ที่ไม่ได้เห็นกับทีมหงส์แดงชุดนี้มานานมากแล้ว นอกจากนั้นยังปลดล็อกคำสาปแพ้ในแอนฟิลด์ติดต่อกันได้เสียที เกมที่เต็มไปด้วยดราม่า ทั้งเรื่องแท็กติก และ VAR นี่คือบทสรุป 5 ข้อ จากเกมพรีเมียร์ลีกคืนวันเสาร์

1) ลิเวอร์พูลคือราชาทีมเยือน 6 เกมหลังสุดในลีกชนะถึง 5 เกม แต่ในทางตรงข้าม พวกเขาคือทีมที่เล่นได้แย่สุดๆในแอนฟิลด์ 6 เกมหลังสุด แพ้เรียบ 100% ไม่ว่าเจอทีมเล็กทีมใหญ่ โดนสอยหมด สถิติแพ้ในบ้าน 6 เกมรวด ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร นี่เป็นจุดที่ลิเวอร์พูลต้องการจะปลดล็อกให้ได้เสียที และการเจอวิลล่าเป็นเกมซ้อมที่สำคัญ ก่อนเจอเรอัล มาดริด ในคืนวันพุธ ถ้าลิเวอร์พูลอยากเข้ารอบในแชมเปี้ยนส์ลีก ต้องยิงมาดริดให้ได้อย่างน้อย 2 ลูก และถ้าแม้แต่การเจอวิลล่ายังยิงไม่ได้ จะไปหวังอะไร กับการเจอเรอัล มาดริด เพราะฉะนั้น ผลการแพ้ชนะเกมนี้ จะมีผลเชิงจิตวิทยาอย่างมหาศาล ในนัดแรกของฤดูกาลที่เจอกัน แอสตัน วิลล่าถล่มไปเละเทะ 7-2 ในเกมที่เหนือความเข้าใจ ไม่มีใครคิดว่าวิลล่าจะถล่มได้ยับขนาดนั้น แต่จุดแตกต่างในเกมนั้น กับเกมนี้ คือวิลล่าไม่มีแจ๊ค กรีลิช ที่ไม่ฟิตพอจะลงสนาม ต้องไปพึ่งพาที่หัวหอกตัวเป้า โอลลี่ วัตกินส์คนเดียว

2) เริ่มเกม วิลล่าเล่นตามแผนที่ฟูแล่ม เบิร์นลีย์ ไบรท์ตัน และเอฟเวอร์ตันใช้ ตอนมาเยือนแอนฟิลด์ นั่นคือปล่อยให้ลิเวอร์พูลครองบอลไปเลย แล้วเล่นเกมโต้กลับเอา ครึ่งแรกลิเวอร์พูลครองบอลได้มากถึง 66% จำนวนการจ่ายบอลมากกว่า 2 เท่า แต่ก็เหมือนกับเกมก่อนๆหน้านี้ คือ โอกาสเยอะ ครองบอลเยอะ แต่จบไม่ได้ และแล้วลางร้ายของหงส์แดง เกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 13 เมื่อได้ส้มหล่นจากจังหวะที่โทโรน มิงส์จับบอลพลาด จนซาลาห์ไปดวลตัวต่อตัว กับเอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ปรากฏว่า ซาลาห์มีทางเลือกมากมาย จะล็อกหลบซ้ายหรือขวาก็ได้ แต่เขากลับเลือกดีดเร็วทันที สุดท้ายบอลไหลเอื่อยๆออกหลังไป และเมื่อลิเวอร์พูลบุกเพลินๆ วิลล่าสวนเปรี้ยงเดียวเข้าประตูเลย เมื่อเจมส์ มิลเนอร์ จ่ายบอลผิดทิศทาง วิลล่าตัดบอลได้ จากนั้นจ่ายบอล 1 2 3 ถึงวัตกินส์ ซัดโป้งเดียวดับ วิลล่านำ 1-0 วัตกินส์ 2 นัด ยิงลิเวอร์พูลไป 4 ลูก ถือว่าเล่นดีทุกครั้งเมื่อเจอหงส์แดงจริงๆ ขณะที่อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่โกนหนวดเกลี้ยงเกลาในเกมนี้ พยายามจะล้มตัวเซฟแล้ว แต่ด้วยความแรง ทำให้บอลปลิ้นเข้าประตูไป

3) ดราม่าสำคัญที่สุดของเกมนี้เกิดขึ้น นาที 45+2 เมื่อลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จ จากลูกซ้ำของโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เกมควรจบครึ่งแรกด้วยการเสมอ 1-1 แต่สุดท้ายกรรมการขอย้อนดู VAR โดนมองว่า จังหวะของดีโอโก้ โชต้า ล้ำหน้าไปแต่แรกแล้วหรือเปล่า ภาพช้าที่ออกมา โชต้าเช็กไลน์ของตัวเองตลอด และขาทั้งสองข้าง ยืนต่ำกว่าเอซรี่ คอนซ่า กองหลังตัวสุดท้ายของวิลล่าแน่นอน แต่สุดท้าย VAR ประกาศออกมาว่าลูกนี้ Offside โดยวัดจาก “ข้อศอก” ของโชต้าที่เหลื่อมคอนซ่าทั้งๆที่ ขาของโชต้ายังไงก็อยู่ต่ำกว่าไลน์แน่นอน จบครึ่งแรก แอสตันวิลล่า นำ 1-0

4) ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงสนามมาด้วยความสดชื่นขึ้น ไม่รู้ว่าคล็อปป์กระตุ้นอย่างไร แต่ทุกคนวิ่งไล่ เล่นเกมเพรสซิ่งกัน เหมือนรู้สถานการณ์ดี ว่าถ้าแพ้ในบ้าน 7 นัดล่ะก็ นอกจากจะหมดลุ้นท็อปโฟร์แล้ว ยังเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย ดังนั้น จึงไล่บด ไล่บี้กันเต็มที่ เพื่อทวงคืนให้ได้สักเม็ดก่อน นาทีที่ 57 ความพยายามก็เป็นผล เมื่อลิเวอร์พูลตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ลูกนี้เป็นทักษะการเล่นทั่วสนาม จากขวาไปซ้าย เมื่อฝั่งขวาแน่น ก็เปลี่ยนแกนไปทางซ้ายที่โล่งกว่า จนสุดท้ายโรเบิร์ตสันได้ยิง แม้จะติดเซฟมาร์ติเนซ แต่ซาลาห์ก็ตามมาซ้ำได้สำเร็จ นี่เป็นประตูที่ 19 ของซาลาห์ ในพรีเมียร์ลีก นำเป็นดาวซัลโวร่วมกับแฮร์รี่ เคน ลิเวอร์พูลโหมบุกหนักเต็มที่ ลุยด้วยพลังทั้งหมดที่มี ติอาโก้ อัลคันทาร่า, ซาดิโอ มาเน่ และ เซอร์ดาน ชาคิรี่ ถูกส่งลงสนาม โดยคล็อปป์ถอดโอซาน คาบัคออก แล้วถอยฟาบินโญ่ไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก ให้ตัวรุกเดินหน้าลุยแหลก ถือว่าคล็อปป์เองก็ต้องการชนะมากๆ คือการปลดล็อกแค่ “ไม่แพ้” ยังไม่พอ แต่ต้องชนะให้ได้ด้วย การเปลี่ยนตัวนั้น “ได้ผล” เพราะตัวสำรองทุกคน มีส่วนร่วมกับเกมเป็นอย่างมาก ซาดิโอ มาเน่คอยป้วนเปี้ยนในกรอบเขตโทษ กดดันให้ไทโรน มิงส์ และ เอซรี่ คอนซ่า สองเซ็นเตอร์แบ็กต้องถอยต่ำลงไป ในช่วงทดเจ็บ ชาคิรี่กับติอาโก้ เล่นชิ่ง 1-2 ก่อนจะเป็นติอาโก้ กระโดดยิงกลางอากาศ มาร์ติเนซเซฟได้ แต่บอลมาเข้าทางอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นเปรี้ยงเดียวเสียบมุมเข้าไป เป็นประตูชัยให้ลิเวอร์พูลชนะ 2-1

5) บทสรุปจากชัยชนะเหนือแอสตัน วิลล่า สำหรับลิเวอร์พูลถือว่ามีความหมายมากกว่า 3 แต้มทั่วไป เพราะมันเรียกศรัทธาในตัวเองให้กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง และยังมีความหวังในการลุ้นท็อปโฟร์ได้ยาวๆ จนจบซีซั่น



เรียบเรียงโดย

น้ำหวาน