ผลบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : ลิเวอร์พูล ถล่ม อตาลันต้า ด้วยสกอร์ 5-0
Nov 5, 2020 by น้ำหวาน
หลังเกมลิเวอร์พูลถล่ม อตาลันต้า 5-0 ในศึกแชมเปี้ยนลีก อ่านรายละเอียดที่คาสิโน Wins88
ถือว่าเป็นสกอร์ที่หลายๆ คนคาดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ลิเวอร์พูลที่เจอกับทีมที่มีเกมรุกดีที่สุกระดับท็อปทรีของยุโรปอย่างอตาลันต้า จะเก็บคลีนชีทได้ รวมทั้งไล่กดประตูไปถึง5ลูก ไฮไลท์สำคัญของเกมในค่ำคืนนี้คือ การยิงแฮตทริคของ ดีโอโก้ โชต้า แนวรุกชาวโปรตุกีสของทีมหงส์แดง ที่ทำให้เจ้าตัวถือว่าเป็นนักเตะคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ยิงแฮตทริกได้ในแชมเปี้ยนลีก (อีก 4 คน ได้แก่ ไมเคิล โอเว่น, ยอสซี่ เบนายูน, คูตินโญ่ และ ซาดิโอ มาเน่) มีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจเกิดขึ้นที่แบร์กาโม่บ้าง นี่คือบทสรุป 10 ข้อ จากเกมแชมเปี้ยนส์ลีก คืนวันอังคารที่ผ่านมา
1) ก่อนเกมนี้จะเริ่ม ทีมที่ยิงประตูเฉลี่ยได้เยอะที่สุดในยุโรป 3 อันดับแรกคือ บาเยิร์น มิวนิค, อตาลันต้า และ ลิเวอร์พูล ไม่มีใครคิดว่าเกมจะจบ 0-0 แน่นอน นัดนี้ อตาลันต้า นำทัพโดยดูวาน ซาปาต้า หัวหอกที่สม่ำเสมอมากๆ สองซีซั่นที่แล้ว ยิงไป 41 ลูกในเซเรียอา ยิงกระจาย ขณะที่ลิเวอร์พูลนัดนี้ มีการปรับไลน์อัพที่สำคัญสองจุด คือการส่งดีโอโก้ โชต้า กับรีส วิลเลียมส์ มาเป็นตัวจริง นี่เป็นครั้งแรกที่โชต้าลงมายืนในตำแหน่ง False 9 คือยืนแทนที่โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซาลาห์ยืนขวา มาเน่ยืนซ้าย เพราะโชต้าฟอร์มดี คุณจะให้เขาเป็นสำรองตลอดไปไม่ได้หรอก ส่วนอีกตำแหน่งก็น่าสนใจมาก นั่นคือรีส วิลเลียมส์ ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในชีวิต จากเด็กหนุ่มในดิวิชั่น 6 เมื่อปีก่อน แต่วันนี้ได้เล่นในถ้วยใหญ่ที่สุดในยุโรป
2) สำหรับเจอร์เก้น คล็อปป์ เขาเองต้องการล้างอาถรรพ์ของตัวเองให้ได้ด้วย เพราะยังไม่เคยชนะบนแผ่นดินอิตาลีได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ในสมัยอยู่ดอร์ทมุนด์ แพ้อูดิเนเซ่ แพ้นาโปลี แพ้ยูเวนตุส จากนั้นย้ายมาลิเวอร์พูล แพ้นาโปลี แพ้โรม่า เขายังรอคอยชัยชนะครั้งแรกบนแผ่นดินอิตาลีอยู่
3) เกมเริ่มต้นขึ้น ด้วยการแลกหมัดกันอย่างสนุกมาก ทั้ง 2 ทีมแลกกันตามที่ทุกคนคาดการณ์จริงๆ อตาลันต้าก็สร้างโอกาสได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ผ่านมืออลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ยืนตำแหน่งเยี่ยมมาก ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น
4) ความแตกต่างในเกมนี้ คือดีโอโก้ โชต้า ที่อตาลันต้าไม่รู้จะรับมืออย่างไรเลย สัญญาณอันตรายมันดังตั้งแต่นาทีที่ 1 เมื่อโชต้าโชว์สเต็ปหลอกฮันส์ ฮาเตบอร์ จนหลังหักแต่ยิงไปติดเซฟนายทวารนิดเดียว ความอันตรายของโชต้าคือการ “เอาชนะกับดักล้ำหน้า” เราเห็นวิธีการวิ่งของเขามาแล้ว ในการยิงเวสต์แฮมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และทั้ง 3 ประตูที่เขาทำได้ในนัดนี้ เกิดขึ้นจากจังหวะใกล้เคียงกัน
5) โชต้ารู้ทันทีว่าต้องวิ่งไปตรงไหน เขาวิ่งไปที่ช่องว่างของคู่เซ็นเตอร์แบ็ก เลี้ยงไลน์ตัวเองไว้ไม่ให้ล้ำหน้า จากนั้นมั่นใจว่าเพื่อนจะจ่ายมาในจุดนัดพบแน่ๆ ตามปกติคนที่วิ่งเอาชนะไลน์กองหลัง จะมีแค่มาเน่ กับซาลาห์ แต่พอมีโชต้าอีกคน ทำให้คู่แข่งต้องระวังถึง 3 ตัวพร้อมกัน นี่เป็นมิติเกมรุกใหม่ที่น่ากลัวมาก ถ้าแมตช์ไหน เจอกับคู่แข่งที่มาเปิดหน้าแลกด้วยกันแล้วล่ะก็ โชต้าจะเป็นทีเด็ดเลยจริงๆ
6) แฮตทริกนัดนี้ ทำให้โชต้าลงสนามไปแล้ว 10 เกม ยิงได้ 7 ประตู ซึ่งในรอบ 30 ปีของสโมสร มีนักเตะแค่คนเดียวเท่านั้น ที่ลงเล่นใน 10 เกมแรก แล้วยิงได้มากกว่าโชต้า นั่นคือร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ในปี 1993 ยิงได้ทั้งหมด 10 ประตู นอกจากนั้นสถิติยังบอกว่าถ้านับแบบ Calendar year ในปี 2020 โชต้ายิงประตูให้ลิเวอร์พูลได้มากกว่าโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ลงสนามน้อยกว่าถึง 1930 นาที
7) คอมเมนต์ของแฟนบอลลิเวอร์พูลที่อังกฤษ บอกว่าเห็นโชต้าแล้วคิดถึงเอียน รัช จากวิธีการเคลื่อนที่ ที่จะไปอยู่ตำแหน่งที่ถูกต้องเสมอ และจังหวะยิงจะมีการคอนโทรลร่างกายเอี้ยวตัวหามุมยิง ซึ่งตอนนี้แฟนๆ บอกกันว่า ค่าตัว 40 กว่าล้านปอนด์ที่จ่ายให้วูล์ฟแฮมป์ตัน กลายเป็นไม่แพงไปเลย
8) ส่วนประตูที่ซาลาห์ยิงได้ในนัดนี้ ทำให้เขาซัดในฟุตบอลยุโรปไปแล้ว 22 ลูก ซึ่งเป็นนักเตะหงส์ที่ยิงในเกมยุโรปได้เยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ร่วมกับไมเคิล โอเว่น ส่วนคนที่เป็นอันดับหนึ่งอยู่คือสตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่จำนวน 41 ประตู ส่วนอีกคนที่เล่นได้ดีมากๆ คือเคอร์ติส โจนส์ หลังจากนัดที่ชนะเวสต์แฮม โดนวิจารณ์ไปเยอะ แต่คราวนี้ พอเจอคู่แข่งที่เปิดหน้าแลกแบบอตาลันต้า ทำให้โจนส์มีพื้นที่เล่น และได้ปล่อยของเยอะมาก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเคอร์ติส โจนส์ด้วย ที่ได้เล่นครบ 90 นาที ในเกมรายการสำคัญ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเล่นเต็มเกมมาก่อน ไม่ว่าจะในชปล. หรือพรีเมียร์ลีก
9) แนวรับของลิเวอร์พูล ไม่ก่อข้อผิดพลาดให้เห็น อลิสซอน มีจังหวะเซฟลูกยิงยากๆ ของดูวาน ซาปาต้าสองหน โหม่งจ่อๆ รับเข้ามือสบาย รวมถึงจังหวะยิงเต็มๆ ในเขตโทษก็ปัดออกหลังได้ดี ขณะที่โจ โกเมซ นอกจากแอสซิสต์แล้ว เกมนี้เขามีข้อผิดพลาดน้อยมากๆ ส่วน รีส วิลเลียมส์ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ไม่มีจังหวะสกัดบอลแบบมาสเตอร์พีซ (แย่งบอลจากคู่แข่งได้ 1 ครั้ง เคลียร์บอลทิ้งได้ 3 หน) ถ้าเทียบกับเกมที่แล้ว แนท ฟิลลิปส์ เด่นกว่า แต่มองอีกมุม วิลเลียมส์ก็ไม่ได้ทำเสีย และช่วยเก็บคลีนชีทได้ด้วย สำหรับเด็กหนุ่มที่เล่นแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรก เจอกับทีมที่ยิงในลีกได้ 98 ลูกเมื่อซีซั่นนี้ นี่เป็นผลงานที่ดีเกินกว่าจะคาดฝันแล้ว
10) จบการแข่งขัน ลิเวอร์พูลชนะอตาลันต้า 5-0 การขาดเวอร์จิล ฟาน ไดค์ ทั้ง 3 แมตช์ในแชมเปี้ยนส์ลีก กลายเป็นว่าเก็บคลีนชีทได้ครบทั้ง 3 นัด ยิงรวมกัน 8 ลูกเสีย 0 เก็บ 9 แต้มเต็ม และจะเข้ารอบต่อไปแน่ๆ แบบไม่มีปัญหาอะไรเลย ลิเวอร์พูลขอแค่ 1 แต้ม ในอีก 3 เกมที่เหลือ ก็จะเข้ารอบต่อไป ซึ่งประโยชน์ของชัยชนะ 3 เกมรวดแบบนี้ มันทำให้ลิเวอร์พูลจะสามารถโรเทชั่นผู้เล่นได้ในโปรแกรมที่เหลือ หมุนเวียนเอาดาวรุ่งมาลงเล่น แล้วเก็บตัวหลักไว้เล่นเกมพรีเมียร์ลีก ไปๆ มาๆ ลิเวอร์พูลที่โดนวิจารณ์ว่าฟอร์มไม่ดีเท่าปีก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นจ่าฝูงทั้งพรีเมียรลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
บทสรุปของเกมนี้ คล็อปป์เอง มีทางเลือกที่เยอะขึ้นในแนวรุก ถ้าเกมที่เจอคู่แข่งเปิดหน้าแลก การส่งโชต้าลงเล่นก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าเกมไหนที่เจอคู่แข่งที่ลงไปแพ็กเกมรับเยอะๆ การมีฟีร์มีโน่ ที่คอยช่วยกองกลางเชื่อมเกม ก็นับว่ามีประโยชน์มาก ดังนั้นทั้งสองคนนี้ คงไม่มีใครยึดตัวจริงกันถาวรอีกแล้ว แต่คงจะหมุนๆ กันลงสนามตามแต่สถานการณ์
เรียบเรียงโดย
น้ำหวาน